ถ้าคุณมีร้านขายของออนไลน์ หรือต้องการทำการตลาดออนไลน์เพื่อสร้างแบรนด์และประชาสัมพันธ์แบรนด์ของคุณให้เป็นที่รู้จัก การมีเฟสบุ๊คแฟนเพจ เว็บไซต์ขายของ ร้านค้าออนไลน์ อาจไม่ใช่สิ่งที่เพียงพอในการสร้างศักยภาพด้านการตลาดในธุรกิจของคุณ เพราะแท้จริงแล้ว เนื้อหาที่เผยแพร่ (Content) เป็นอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญมาก โดยเฉพาะเนื้อหาแบบรูปภาพที่มีผลต่อการตลาดเป็นอย่างมาก ลองมาดูว่า ภาพนั้นมีพลังที่มากมายมหาศาลกับการตลาดขนาดไหน ด้วยข้อมูลที่ MDG Advertising ได้ทำการศึกษามาเหล่านี้
- บทความที่ประกอบด้วยภาพ มักได้รับการตอบรับและสนใจมากกว่า 94% จากผู้เข้าชม
- การเพิ่มภาพและวิดิโอเข้าไปในช่องทางต่างๆ ช่วยเพิ่มยอดวิวจากผู้ชมมากขึ้นถึง 45%
- 60% เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าหรือผู้ติดตามของเรา มักจะให้ความสนใจที่จะติดต่อกับบริษัทหรือแบรนด์ต่างๆ ถ้ามีภาพแผนที่สถานที่ตั้งหรือ Map ให้พวกเขาดู
- สำหรับเว็บไซต์ E-Commerce ต่างๆ 67% ของลูกค้ามองว่าภาพที่มีคุณภาพสูงและสวยงามนั้นมีความสำคัญมากต่อการตัดสินใจใช้บริการของพวกเขา
- สำหรับร้านขายของออนไลน์ ภาพของสินค้าที่คุณภาพดีและสวยงามนั้นมีความสำคัญมากกว่าข้อมูลของสินค้าในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการอยู่ที่ 63%, สินค้าที่มีรายละเอียดที่ชัดเจนและครบถ้วนมีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการอยู่ที่ 54%, คะแนนความนิยมและรีวิวจากผู้อื่นมีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการอยู่ที่ 53%
- อัตราการให้ความสนใจและมีส่วนร่วมในโพสต่างๆ บนเฟสบุ๊ค โพสรูปภาพมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.37 % ในขณะที่ถ้ามีแต่ข้อความเพียงอย่างเดียวจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.27%
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น คงจะได้เห็นกันแล้วว่ารูปภาพนั้นมีอิทธิพลมากขนาดไหน ในการดึงดูดและทำให้ผู้คนหันมาสนใจสิ่งที่เรากำลังนำเสนอและสื่อสารกับพวกเขา ดังนั้นกลยุทธ์ในการใช้ภาพจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อวิธีทำการตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะเทคนิคการตลาดแบบ Content Marketing ที่เป็นการตลาดที่ให้คุณค่ากับเนื้อหาที่ส่งออกไปให้กับกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของเรา โดยเน้นการนำเสนอเนื้อหาที่น่าสนใจ ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บทความ,Blog,วิดิโอ,กราฟฟิค ซึ่งเทคนิคการตลาดแบบนี้ หากเราสามารถที่จะนำกลยุทธ์การเลือกใช้ภาพที่น่าสนใจมาช่วย ย่อมทำให้การสร้างแบรนด์ โฆษณา และสิ่งที่เราต้องการนำเสนอให้กับกลุ่มเป้าหมาย มีประสิทธิภาพเหนือใครอย่างแน่นอน
วันนี้ตลาดปัญญาจึงได้นำ วิธีการเลือกใช้ภาพในเทคนิคการตลาดแบบ Content Marketing มาฝาก ให้ทุกท่านได้นำไปปรับใช้กับธุรกิจของท่าน และสร้างแบรนด์ของท่านจนประสบผลสำเร็จได้ในที่สุด
เรารู้ดีว่ารูปภาพนั้นมีความสำคัญมาก แต่จะใช้รูปภาพประเภทไหนดีสำหรับงานของเรา ??
นี่คือวิธีง่ายๆ ที่จะเลือกใช้ภาพให้เหมาะสมกับเทคนิคการตลาดแบบ Content Marketing ที่มีรูปแบบการนำเสนอและจุดประสงค์การนำเสนอที่แตกต่างกัน
ภาพใน Blog หรือบทความ :
ภาพใน Blog เป็นสิ่งที่เราต้องเจอกันอยู่บ่อยๆ โดยลักษณะการวางภาพของแต่ละบล็อกหรือบทความมักจะวางภาพที่แสดงถึง “ประเด็นสำคัญ” ของเรื่องที่กำลังนำเสนอไว้ด้านบนสุด และมักจะใช้ภาพนั้นเป็นภาพหลักที่จะนำไปโปรโมทใน Social media ต่างๆ การใช้ภาพทั่วๆ ไปที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเราจึงดูจะเป็นวิธีนำเสนอที่ดีที่สุด แต่อย่าลืมว่าการใช้รูปภาพที่ดึงดูด ดูตลก หรือแปลกใหม่ ย่อมจะทำให้ Blog หรือบทความของเราได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่าอย่างแน่นอน
รูปภาพสินค้า :
เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับร้านค้าออนไลน์ทุกรูปแบบ การใส่ภาพสินค้าทุกชิ้นที่คุณมีขายและทำให้แน่ใจว่าภาพสินค้าทุกภาพนั้นต้องมีคุณภาพที่ดีและมีธีมรูปภาพที่สอดคล้องกับเอกลักษณ์ในแบรนด์ของคุณ เป็นวิธีการสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบและตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของคุณได้ง่ายยิ่งขึ้น
Infographics :
การทำอินโฟรกราฟฟิคดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและซับซ้อน แต่มันสามารถสร้างพลังที่มหาศาลให้กับเนื้อหาที่เรานำเสนอ และสร้างคุณค่าให้กับเนื้อหาด้วยการทำเป็นภาพและข้อมูลที่ช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญอินโฟรกราฟฟิคได้รับการตอบรับจาก Social media ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแชร์ การตอบรับ ให้ความสนใจ ดังนั้นเราควรมีรูปภาพแบบอินโฟกราฟฟิคเพื่อตอบสนองต่อการบริโภคของผู้คนสมัยใหม่ และช่วยให้การสร้างแบรนด์ของเรานั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เพิ่มประสิทธิภาพให้กับรูปภาพด้วย SEO :
รูปภาพถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อการสร้าง Traffic ในการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ แต่หลายๆ คนเผลอมองข้ามความจริงในข้อนี้ไปเพราะคิดว่า การทำ SEO นั้นเน้นแค่ในข้อความ เนื้อหา และ Title Tags เท่านั้น แต่จริงๆแล้ว เราควรให้ความสำคัญกับการใส่ Keyword ที่เราต้องการให้ถูกค้นหาลงไปในรูปภาพที่ทำการอัพโหลดขึ้นเว็บไซต์หรือบนช่องทางต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตด้วย
ก่อนที่จะอัพโหลดรูปภาพแต่ละครั้ง สิ่งสำคัญคือตั้งชื่อภาพให้ตรงกับเนื้อหาที่เราจะนำเสนอ หรือสอดคล้องกลับกลุ่มเป้าหมายของเรา เช่น หากคุณมีร้านขายกระเป๋าและรองเท้าออนไลน์ การตั้งชื่อภาพว่า “กระเป๋า-รองเท้า” ย่อมดีกว่าตั้งว่า “IMG001 “ เพราะเวลาที่ผู้คนค้นหาคำว่า กระเป๋า รองเท้า แล้วเลือกเมนูค้นรูปภาพ จะทำภาพของคุณมีโอกาสที่จะถูกเห็นมากกว่าภาพที่ตั้งว่า IMG001 เพราะคีย์เวิร์ดไม่ตรงกับคำที่ผู้คนค้นหา
หลังจากการตั้งชื่อรูปภาพให้ตรงตามคีย์เวิร์ด ที่ต้องการให้คนค้นหาเจอแล้ว สิ่งต่อมาคือการตั้ง alt tags หรือคำอธิบายรูปภาพสั้นๆ สำหรับภาพนั้นนั่นเอง เพราะจะช่วยให้ระบบ search engines เข้าใจว่ารูปภาพของคุณคืออะไร หากคุณขายรองเท้า คุณอาจจะเขียนอธิบายสั้นๆ ว่า “รองเท้าส้นสูงสำหรับผู้หญิง” แบบนี้ก็ได้
และท้ายสุด อย่าลืมปรับขนาดรูปภาพของให้เล็กและง่ายต่อการอัพโหลด เพราะภาพที่โหลดได้เร็วนั้นจะส่งผลดีต่ออับดับเว็บไซต์มากกว่าภาพที่โหลดช้าเพราะไฟล์ใหญ่ ดังนั้นพยายามอย่าให้ภาพมีขนาดใหญ่มากจนเกินไป พร้อมกับไม่ลืมที่จะคำนึงถึงคุณภาพของรูปให้เหมาะสมกับงาน ย่อมส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำ SEO ของเราอย่างแน่นอน
จะหารูปภาพได้จากที่ไหน
สำหรับ Blogger, Copywriter และนักการตลาดที่ใช้เทคนิคการตลาดแบบ content marketing การหารูปภาพที่มีคุณภาพดี สวยงาม และน่าสนใจเพื่อมาตัดต่อเป็นภาพหลักในงานบทความหรือเนื้อหาต่างๆ นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก บางครั้งต้องยอมจ่ายเงินเป็นจำนวนค่อนข้างมากเพื่อให้ได้รูปภาพที่มีความสวยงามและน่าสนใจ ภาพบางอย่างอาจมีลิขสิทธิ์ หรือมีคุณภาพที่ไม่ดีพอ แต่วันนี้ตลาดปัญญามีเว็บแจกภาพฟรีมาแนะนำให้ทุกๆ คนลองไปใช้กัน เพื่อลดปัญหาเรื่องภาพที่หลายคนมักจะเจอ
Pixabay เว็บไซต์ที่รวมภาพไว้มากมายหลากหลายรูปแบบ ทั้งภาพ Photoshop, illustration, Vector Graphic
FreeImages.com เว็บไซต์ที่รวมภาพมากมายกว่า 400,000 รูปจากช่างภาพและดีไซเนอร์
Compfight เว็บไซต์ที่จะช่วยให้เราสามารถหาภาพได้แยกตามประเภท และมีทั้งภาพที่ฟรีและเสียเงิน
pikwizard.com เว็บไซต์ที่มีรวบรวมภาพบุคคลไว้เป็นจำนวนมาก
จะเห็นว่าเราสามารถหาภาพเพื่อนำมาใช้ในการตลาด และการสร้างแบรนด์ของเราได้อย่างมากมาย แต่อย่าลืมที่จะทำความเข้าใจในข้อตกลงการใช้งานรูปภาพต่างๆ รวมไปถึงข้อตกลงด้านลิขสิทธิ์ ว่าภาพนี้ให้ใช้เฉพาะนำไปประกอบบทความ เนื้อหาเท่านั้น ห้ามนำไปจำหน่าย เป็นต้น
รวมไปถึง หากภาพไหนที่มีเครดิตอยู่บนภาพ หรือเป็นภาพที่ต้องการให้ระบุเครดิตเจ้าของภาพ ก็ควรระบุเครดิตให้กับผู้สร้างภาพเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
เป็นอย่างไรบ้างคะ กับกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตลาดปัญญานำมาแบ่งปันในวันนี้
รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าปล่อยให้ผ่านเลยไปนะคะ อ่านอย่างเดียวคงไม่พอ
เพราะบทความนี้จะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าสมาชิกตลาดปัญญาทุกท่านไม่ได้นำกลยุทธ์นี้ไปใช้ในแผนการตลาดของท่าน
ว่าแล้วก็มาเริ่มใช้กลยุทธ์นี้กันเลยค่ะ ใครเริ่มทำแล้ว อย่าลืมแวะคอมเม้นต์บอกกันบ้างนะคะ
แล้วพบกันใหม่ ในบทความหน้านะคะ
บรรณาธิการ : ตลาดปัญญา.com