อยากเก่งแกรมม่า 5 วิธีนี้ช่วยได้

ไวยากรณ์ ( Grammar ) ภาษาอังกฤษ นั้นมีทั้งกฏเกณฑ์และหลักการใช้งาน กฏทางไวยากรณ์บางครั้งสามารถที่จะมองข้ามได้เล็กน้อย (เช่น การพูด) แต่แน่นอนว่าการใช้กฏเกณฑ์ทางไวยากรณ์ไม่ถูกต้องจะส่งผลเสียในทักษะด้านการเขียนอย่างปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้น หากคุณต้องการมีทักษะทางด้านภาษาอังกฤษอย่างมืออาชีพ เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ไวยากรณ์ (Grammar) จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม

วันนี้ ตลาดปัญญาจึงนำเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้ทุกท่านประสบความสำเร็จ เก่งแกรมม่าให้เป็นขั้นเทพกันไปเลย!

1. รู้จัก Part of Speech

ในการเรียนแกรมม่าให้ประสบความสำเร็จ เราต้องรู้จัก “ประเภทของคำ” ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และเป็นข้อแรกที่เราต้องรู้ เพราะคำคือสิ่งที่ทำให้เกิดเป็นประโยค และประโยคคือสิ่งที่เราใช้ในการสื่อสาร ดังนั้น หากเราไม่รู้ว่าในภาษาอังกฤษประเภทของคำมีอะไรบ้าง นั่นย่อมส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเราอย่างแน่นอน ดังนั้น เราต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับคำประเภทต่างๆ และรู้ว่าคำเหล่านั้นมีหน้าที่อย่างไรในแต่ละประโยค

2. เข้าใจลำดับคำในประโยค ( Word Order)

นอกจากการที่เราจำเป็นต้องรู้จักประเภทของคำแล้ว การรู้จักการเรียงลำดับคำก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมากในการเรียนภาษาอังกฤษ

มาดูกันว่าการเรียงลำดับคำในภาษาอังกฤษ นั้นเรียงยังไงบ้าง

ลำดับที่ 1 Pointing word ได้แก่คำ 3 ประเภท คือ Articles, Demonstrative Adjectives, Possessive Adjectives
ลำดับที่ 2 Quantity ได้แก่คำ 3 ประเภท คือ Ordinal number, Cardinal number, Indefinite adjectives
ลำดับที่ 3 Size เช่น big, large, small, tall
ลำดับที่ 4 Quality คือ คำที่บอกคุณภาพของสิ่งนั้น เช่น good, bad, beautiful
ลำดับที่ 5 Colour คือ คำที่บอกถึงสี เช่น red, blue, white
ลำดับที่ 6 Nationality คือ คำที่บอกสัญชาติ เช่น Thai, Burmese
ลำดับที่ 7 Material คือ คำที่บอกถึงชนิดของวัตถุ เช่น silk, leather , steal
ลำดับที่ 8 Noun คือ คำนามที่เรากล่าวถึง เช่น skirt, cat, purse

3. อ่านหนังสือสำหรับเด็ก หรือเรื่องราวสั้นๆ

หากเรายังไม่ใช่คนที่เก่งแกรมม่า แต่กำลังเริ่มเรียนรู้ การเลือกอ่านหนังสือสำหรับเด็ก หรือเรื่องสั้นจะช่วยให้เรามีความคุ้นเคยกับโครงสร้างของภาษาอังกฤษมากขึ้น เพราะหนังสือสำหรับเด็ก หรือเรื่องราวสั้นๆ นั้นจะมีโครงสร้างทางแกรมม่าที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และไม่ยุ่งยากจนเกินไป ทำให้เราสามารถค่อยๆ เรียนรู้และเข้าใจได้

ปัจจุบันมีหนังสือที่ช่วยพัฒนาทักษะมากมายนี้มากมาย เช่น นิทาน 2 ภาษาหรือนิยาย 2 ภาษาของสำนักพิมพ์ต่างๆ ที่ไม่เพียงแต่จะมีเนื้อหาที่เข้าใจง่ายสนุกสนาน และมีรูปภาพที่สวยงามเท่านั้น แต่บางสำนักพิมพ์ยังมีการแบ่งระดับหนังสือแต่ละประเภทให้ด้วยว่า สำหรับผู้เริ่มต้น ระดับกลาง และระดับสูง หรือถ้าหากไม่สะดวกที่จะหาหนังสืออ่าน เป็นสายประหยัดชอบของฟรีแล้วล่ะก็ ตลาดปัญญา ก็มีเว็บไซต์ดีๆ มาแนะนำ เป็นเว็บไซต์ที่มีเรื่องราวสั้นๆ ให้ได้ลองเข้าไปอ่าน และฝึกฝนทำความคุ้นเคยกับโครงสร้างของภาษาอังกฤษกัน

มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

รวมเรื่องสั้น 100 เรื่อง ที่ใช้รูปแบบประโยคง่ายๆ อย่าง Present Tense : http://www.eslyes.com/easykids/

รวมเรื่องสั้น 600 เรื่อง จาก New York City : http://www.eslyes.com/nyc/contents.html

4. เล่นเกมส์ภาษา

มีเกมส์และแอพพลิเคชั่นมากมายที่เราสามารถโหลดลงคอมพิวเตอร์และมือถือของเรา ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน เพื่อช่วยพัฒนาทักษะทางด้านแกรมม่าของเรา การเล่นเกมส์จะช่วยให้ทั้งความบันเทิงและความรู้ไปในตัว

รวมไปถึงจะช่วยให้เราสามารถจดจำกฎเกณฑ์และหลักการของไวยากรณ์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เพราะเราไม่ต้องมานั่งท่องจำที่จะส่งผลให้เราเกิดความเบื่อหน่ายในที่สุด
ยกตัวอย่างเช่นเกมส์ Word Invasion ที่เป็นเกมส์ที่ช่วยฝึกทักษะเรื่อง Part of Speech

ถ้าใครสนใจเล่น ก็สามารถคลิกลิ้งค์ได้เลย

http://www.slimekids.com/games/grammar-games/wordinvasion.html

5. ลงทะเบียนเรียนเพิ่มเติมหรือหาติวเตอร์มาช่วยสอน

อีกวิธีหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นวิธียอดนิยมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในยุคไหนๆ ก็ตาม คือการเรียนเพิ่ม โดยเฉพาะการที่ได้เรียนกับติวเตอร์ที่เก่งๆ และสอนสนุก อย่างไรก็ตามวิธีนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย แต่ก็เป็นวิธีที่หลายๆ คนยอมรับว่าคุ้มค่า เพราะมีคนช่วยสอนเราและอธิบายให้ฟัง เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก อีกทั้งเทคโนโลยีปัจจุบันก็พัฒนาไปเป็นอย่างมาก ไม่จำเป็นต้องไปเรียนแค่ที่สถาบันอย่างเดียว ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะไม่สะดวกทั้งเวลา และการเดินทาง แต่ยังมีวิธีเรียนรู้แบบคอร์สออนไลน์ที่มาเป็นตัวช่วยในส่วนนี้ ที่เป็นการเรียนแบบวีดีโอ ถ่ายทอดเหมือนห้องเรียนจริง สอนเหมือนไปเรียนที่ห้องเรียน ซึ่งแม้จะไม่ได้เจอผู้สอนตัวเป็นๆ แต่ข้อดีคือ สามารถเรียนซ้ำหลายครั้งได้ตามที่เราต้องการ หรือแม้แต่การหยุดเนื้อหาบางช่วงเพื่อจดบันทึกหรือทำความเข้าใจ โดยไม่พลาดในส่วนใดไปนั่นเอง