7 วิธีทำธุรกิจบน Facebook อย่างถูกต้อง

คุณเป็นคนหนึ่งที่มีบัญชีผู้ใช้งาน Facebook ใช่ไหม?

ถ้าคุณทำธุรกิจ ขายสินค้า หรือธุรกิจที่ปรึกษา คุณมี “เพจ” หรือเปล่า?

ถ้ามี…คุณใช้ Facebook Fan Page อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือยัง

เสียดายที่หลายคนใช้ Facebook เพียงแค่เพื่อโพสต์ข้อความ/รูปภาพ/วีดีโอต่างๆ แย่ไปกว่านั้น ส่วนใหญ่หลายคนจะโพสต์โดยการ “แชร์” จากแหล่งอื่น ไม่ว่าจะเป็นเว็บ, เพจอื่น, ฯลฯ แต่หาได้น้อยมากที่จะ “เป็นต้นฉบับ” ของ content

ในบทความนี้ คุณจะได้ค้นพบวิธีการต่างๆ ในการใช้ Facebook Fan Page เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น มาลองติดตามดูครับว่ามีไอเดียในการใช้ Fan Page ทำอะไรได้อีก

1. ช่วยทำ SEO (Search Engine Optimization) ให้ตัวคุณหรือธุรกิจของคุณ – ขึ้นอยู่กับว่าคุณทำเพจเกี่ยวกับอะไร บางคนแบรนด์ตัวเอง บางคนเอาธุรกิจนำหน้า

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ติดปัญหาเรื่องการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ธุรกิจ (หรือ Blog ส่วนตัว) ของคุณ นี่เลยครับ Facebook นี่แหละมัน Page Rank สูงมาก และมันทำให้ชื่อคุณหรือชื่อธุรกิจของคุณติดหน้า 1 Google ได้ไม่ยากเลย ดูตัวอย่างครับ

ผลลัพธ์การค้นหา อ.ธนกร

และถึงแม้คุณอาจจะไม่ถึงกับติดอันดับ 1 ในการค้นหาชื่อหรือธุรกิจของคุณ แต่อย่างน้อยก็มีโอกาสสูงที่จะติดหน้าแรก และถ้าคุณคิดว่ามันไม่เห็นจะสำคัญอะไรเลย ลองนึกดูว่าถ้าลูกค้าค้นหาสินค้าของคุณแล้วดันไปพบคู่แข่งของคุณในหน้า 1 Google โดยคุณไม่อยู่แม้แต่ในหน้าแรกล่ะ..จะเป็นอย่างไร (คนส่วนใหญ่คลิกดูเฉพาะผลลัพธ์การค้นหาในหน้าแรกเท่านั้น)

2. ใช้เป็นที่ Comment ใน Blog – ตอนที่ผมทำ Blog ในยุคแรกๆ พบปัญหามากเลยกับพวกที่ชอบมา spam comment โดยเฉพาะพวกที่มาจากต่างประเทศ มักจะเอา Blog เราเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้าง backlink กับไปที่เว็บของพวกเขา(มัน) ถ้าเราตั้งค่าให้ต้องอนุมัติความเห็นก่อน ก็เสียเวลาเรามาคอยไล่กรอง comment ขยะพวกนี้อีก แถมบทสนทนาใน comment thread ยังไม่ลื่นไหลต่อเนื่องอีก เพราะเราไม่ได้คอยจะ approve comment อยู่ตลอดเวลา

ด้วยการเอา Facebook Comment ไปติดใน Blog แทนระบบ Comment ปรกติของ WordPress หรือ Joomla ทำให้ช่วยกรอง spam comment ออกไปได้มาก

เฟสบุ๊ค คอมเม้นท์

แต่ช้าก่อน นั่นเป็นเพียงประโยชน์ข้อแรกๆ ของการใช้ Facebook Comment ใน Blog ของเรา ที่จริงแล้วยังมีคุณประโยชน์อีกหลายอย่างเช่น ช่วยในเรื่องของการ Viral ให้คนรู้จัก Blog หรือเว็บของเราเยอะๆ เพราะทุกครั้งที่มีการเขียน “เพื่อน” ของคนเขียน comment จะเห็น ทำให้เราสามารถเข้าถึงผู้คนที่เราไม่รู้จักอีกเยอะเลย

คอร์สสอนขายของบน Facebook

3. Engage กับลูกค้าและผู้มุ่งหวัง – จะว่าไปแล้วข้อนี้ก็เป็นข้อที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งเลย Engage ก็คือปฏิสัมพันธ์ต่างๆ ที่ผู้ใช้งาน Facebook มีกับเรา เช่นการ Like, Share, Comment จุดประสงค์ก็คือเพื่อสร้างความสัมพันธ์(ที่ดี)กับคนเหล่านั้น ซึ่งจะมีทั้งคนที่ไม่เคยรู้จักเรา เคยรู้จักและกำลังพิจารณาเลือกซื้อสินค้า ลูกค้าที่เพิ่งซื้อสินค้าไป และลูกค้าที่ซื้อไปนานแล้ว

การจะมีความสัมพันธ์ที่ดีนั้น วิธีการที่ง่ายที่สุดคือคุณเป็นผู้ให้ ให้ข้อมูล/ข่าวคราว/ความรู้ ที่เป็นประโยชน์กับผู้อ่าน ซึ่งอย่างที่บอกว่าผู้อ่านนั้นอยู่ในหลากหลายสถานะ (ตามวงจรของการซื้อสินค้าอย่างที่กล่าวมา) ดังนั้นเนื้อหาที่เราจะโพสต์ก็ต้องย่อมแตกต่างกันไป แต่ต้องมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนว่าโพสต์นั้นๆ คุณกำลัง target ไปที่คนกลุ่มไหน และมีเป้าหมายสำคัญที่จะทำให้เขาขยับไปข้างหน้า (เข้าใกล้จุดที่ซื้อมากขึ้น) เช่น

  • ให้คนไม่รู้จักเราได้มารู้จัก
  • ให้คนรู้จักได้รู้สึกดีในสิ่งที่เราแบ่งปัน
  • ให้คนรู้จักช่วย viral ให้คนที่ไม่รู้จักเราได้รู้จัก (ด้วยกลไกของการ Like/Share/Comment)
  • ให้คนรู้จักได้เชื่อถือในสินค้าและ/หรือตัวเรา
  • ให้ผู้มุ่งหวังตัดสินใจ(ซื้อซะที)
  • ให้ลูกค้ารู้สึกดีที่เราดูแลอย่างต่อเนื่อง
  • ให้ลูกค้าที่ซื้อไปนานแล้วยังไม่ลืมเรา
  • ฯลฯ ที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่แบบว่า “ขอโทษนะคะ..พอจะรู้จักใครที่อยากจะลดน้ำหนักไหมคะ…” คุ้นๆ ไหมครับ

อย่างบทความที่คุณอ่านอยู่นี่ ถ้าคลิกมาจาก Facebook จุดประสงค์ของโพสต์ใน Facebook ก็คือทำให้ผู้คนรู้จักผมมากขึ้น และสร้างความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น ส่วนโพสต์ในรูปข้างล่างนี้มีจุดประสงค์เพียงเพื่อให้คนรู้จักผมและเพจของผมมากขึ้น (ลองดูว่ามีคนเห็นโพสต์นี้กี่คน) จะคลิกที่รูปข้างล่างเพื่อไปดูโพสต์นี้จริงๆ ในเฟสก็ได้นะครับ

ชอบ แชร์ เขียน Facebook

แต่ละโพสต์ที่คุณเขียนสามารถส่งผลให้กับคุณทั้งทางบวกและทางลบ (ถ้าไม่คิดให้ดีก่อน) และในเชิงขนาด..ก็สามารถส่งผลบวกหรือลบได้อย่างมหาศาล คือเรียกว่า ทุกอย่างที่คุณโพสต์ไปมีราคาค่างวดของมัน มันอาจจะทำให้คนรู้จักคุณเพิ่มอีกเป็นพันเป็นหมื่นคน หรือทำให้คุณดังหรือดับไปได้เลย บางโพสต์นี่..โพสต์เสร็จยอมเสียเงินค่าโฆษณาให้ Facebook เพื่อโปรโมทโพสต์ยังยอมเลย เป็นการลงทุนที่คุ้มถ้าผลลัพธ์ที่ได้มันมีค่าสูงกว่าค่าโฆษณา (แต่อย่างโพสต์ข้างบนนี่..ไม่ต้องโฆษณาครับ)

4. รวบรวม Testimonial และ Review – Feature นี้ผมไม่ค่อยเห็นใครใช้นอกจากในต่างประเทศ ตอนที่เราสร้างเพจ ถ้าเราระบุว่าเพจของเราเป็นธุรกิจท้องถิ่น (Local Business) เราจะสามารถตั้งค่าให้ผู้เยี่ยมชมมาเขียน Review/Testimonial และให้ดาวได้ ซึ่งจำนวนดาว (Star Rating) ที่เราได้จะส่งผลถึง Edge Rank หรือคะแนนความสำคัญของเพจเรา ซึ่งถ้ายิ่งสูง โพสต์ในเพจของเราก็จะมีโอกาสถูกนำไปแสดงใน News Feed ของผู้รับได้มากกว่า

ธุรกิจท้องถิ่นบน Facebook

5. ใช้ถาม Feedback จากลูกค้า – รวมทั้ง Poll/Survey ต่างๆ ซึ่งแต่ก่อนผมก็ใช้บริการพวก SurveyMonkey.com หรือของ Google แต่ถ้าเราทำ Poll/Survey/Questionaire แบบง่ายๆ บน Facebook Page นอกจากจะสะดวกแล้ว ยังช่่วยให้เกิด engagement ระหว่างเรากับผู้ที่สนใจอีกด้วย

อีกท่าหนึ่งของการทำ Poll บน Facebook ก็คือการใช้ Facebook polling apps

คอร์สสอนขายของบน Facebook

 

6. แสดงความเห็นในนามธุรกิจ ไม่ใช่ส่วนตัว – ตามเว็บไซต์หรือ Blog ต่างๆ ที่ใช้ Facebook Comment แทนระบบ comment เดิมๆ จะสังเกตเห็นว่ามันมี dropdown ให้เลือกว่าเราจะโพสต์คอมเม้นท์นี้ในนามของใคร ระหว่าง profile ส่วนตัว กับ Page ที่เราเป็นแอดมินอยู่ นั่นก็หมายความว่า เราสามารถโพสต์ comment ในนามเพจ (ธุรกิจ) ไม่ใช่ในนามส่วนตัว แล้วเมื่อคนอื่นมาเห็น comment นั้น ก็จะรู้จักเพจของเราไปโดยปริยาย นำไปสู่ความรู้จัก และ Like เพจของเราต่อไป

Select post as

อย่างไรก็ตาม ถ้าเราโพสต์ comment ในนาม profile ส่วนตัว ข้อมูล “ตำแหน่งงานและนายจ้าง” จะปรากฏขึ้นข้างๆ ชื่อเรา (ผู้โพสต์ comment) ซึ่งถ้าหากเราใส่ Business Page ของเราไว้ตรง “นายจ้าง” เราก็จะได้ Business Page ของเราปรากฏขึ้นเคียงข้างชื่อ profile ของเราไปพร้อมๆ กัน ก็ดีไปอีกแบบ อันนี้แล้วแต่ว่าเราตั้งค่า “นายจ้าง” ของเราไว้อย่างไรด้วยครับ

7. ใช้ประโยชน์จาก News Feed ในการลงโฆษณา – จะว่าไปแล้วอันนี้ก็เป็นประโยชน์อันสำคัญของการมี Facebook Fan Page หรือ Business Page เลยครับ เพราะธุรกิจของเราต้องมีการโฆษณา และในการลงโฆษณาใน Facebook นั้น มีพื้นที่ 2 ส่วนที่โฆษณาจะปรากฏคือ (1) ใน news feed กับ (2) ที่คอลัมน์ขวา ซึ่งโดยปรกติแล้ว การที่เราให้โฆษณาของเราไปปรากฏที่ news feed ของผู้อ่านนั้นจะได้รับความสนใจมากกว่า เพราะมันเนียนไปกับสิ่งที่ผู้ใช้ Facebook เขาอ่านกัน (ไม่ค่อยมีใครเหลือบไปมอง Ads ด้านขวาเท่าไหร่หรอกครับ)

แต่..การจะโฆษณาไปลงที่ news feed ได้ โฆษณานั้นจะต้องเชื่อมโยงกับ “เพจ” เสียก่อน แปลว่า..ถ้าเราไม่มีเพจ เราก็ลงโฆษณาบน news feed ไม่ได้

โฆษณาบน news feed

 

อ่านจบแล้ว ท่านผู้อ่านคงเห็นแล้วนะครับว่า Facebook Fan Page นั้นมีประโยชน์ในการทำธุรกิจ และสิ่งเหล่านี้คือวิธีการใช้ Facebook Fan Page ในการทำธุรกิจอย่างถูกต้อง ไม่ใช่แค่เพียงเอาไว้พ่นข้อความขายของอย่างเดียว นอกจากจะไม่น่าสนใจ ทำให้ผู้คนรำคาญแล้ว ยังถือว่าใช้ประโยชน์จากเพจไม่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย

แล้วคุณล่ะครับ ใช้เพจทำอะไรบ้าง และหลังจากได้อ่านบทความนี้ คุณจะเปลี่ยนแปลงการใช้ Facebook Fan Page กับธุรกิจของคุณอย่างไร เขียนที่ comment ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

 

ธนกร – ผู้ก่อตั้งตลาดปัญญา

ธนกร ชาลี ตลาดปัญญา โค้ช มาร์เก็ตติ้งคอร์สออนไลน์ ตลาดปัญญา

ความเห็น

31 พฤษภาคม 2015
Logo โลโก้ ตลาดปัญญาCopyright © 2014-2024 บริษัท โค้ช มาร์เก็ตติ้ง จำกัด All rights reserved ห้ามคัดลอก เลียนแบบ ทำซ้ำ ดัดแปลง ซึ่งรูปแบบและเนื้อหาทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของเว็บไซต์นี้          

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก
คอร์สไหน..
จะเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณ?