
ปฏิเสธไม่ได้เลยใช่มั้ยคะว่าช่วงเวลาในการขายบ้าน ขายคอนโดมือสอง หรือแม้แต่การปล่อยคอนโดให้เช่า เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ช่างเต็มไปด้วยความกดดันเสียจริงๆ ยิ่งถ้าเราต้องมัวแต่ย้ำคิดย้ำทำกับคำถามต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็น ควรขายเมื่อไหร่ดี ควรขายราคาเท่าไหร่ ทำไมยังขายไม่ได้สักที สำหรับมือใหม่หรือคนที่เริ่มลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ก็มักจะต้องพบเจอปัญหาแบบนี้ตลอดเวลา แต่ปัญหาอะไรก็ไม่หนักเท่าขายไม่ออก ปล่อยเช่าไม่ได้จริงมั้ยคะ ยิ่งเราซื้อไว้เพื่อขายบ้าน ขายคอนโดเก็งกำไร แต่พอขายไม่ออกเรากลับต้องมาจมทุนจะเอาไปลงทุนต่อก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร แล้วทำไมคนอื่น (เจ้าเก่า) ถึงขายได้กันนะ จนบางครั้งเกิดคำถามขึ้นในใจว่าเราจะลงทุนบ้านและลงทุนคอนโดดีไหม
มีเหตุผลมากมายที่จะทำให้คอนโดและบ้านของเรานั้นขายไม่ออก และแต่ละปัจจัยนั้นมีความสำคัญมากต่อนักลงทุนอสังหาฯและนักลงทุนคอนโดมือใหม่ อีกทั้งเป็นเรื่องที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้หรือมองข้ามไปเพราะคิดว่าเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ที่คงไม่ส่งผลต่อการขายคอนโดและบ้านของเราสักเท่าไหร่ แต่รู้หรือไม่ว่าจุดเล็กๆ เหล่านี้นี่แหละค่ะ ที่ทำให้เกิดความแตกต่างทางรายได้อย่างมหาศาลระหว่างนักลงทุนผู้เชี่ยวชาญกับนักลงทุนมือใหม่
มาเช็คกันเลยค่ะว่า มีอะไรบ้างที่เราต้องระวังและจัดการปัญหาเหล่านั้นทันที
1. ราคาสูงเกินไป
ปัญหาอันดับหนึ่งเลยที่ทำให้บ้านและคอนโดของเราขายไม่ออกก็คือเรื่องของราคานั่นเอง ถ้าคอนโดหรือบ้านของเรามีราคาที่สูงเกินไป นั่นหมายความว่าปัจจัยข้ออื่นๆ ก็จะไม่มีผลอะไรเลย เพราะเราได้ตัดโอกาสในการขายของเราไปเรียบร้อยแล้ว ปัญหาหลักๆ ที่ส่งผลให้ราคาขายอสังหาฯ ของนักลงทุนมือใหม่นั้นมีราคาที่สูงกว่าปกตินั้น ส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่ผู้ลงทุนยังไม่มีความรู้มากเพียงพอจึงต้องไปพึ่งนายหน้าและการตลาดของบริษัทนายหน้าในการขาย โดยเมื่อมีค่านายหน้าและค่าการตลาดเข้ามาเพิ่มเติมจึงทำให้คอนโดและบ้านที่ต้องการขายนั้นมีราคาที่สูงขึ้นกว่าปกติจนส่งผลให้ขายไม่ได้ในที่สุด ในขณะที่คู่แข่งหรือคนที่มีความรู้ในการลงทุนเรื่องนี้สามารถเสนอขายเองได้โดยไม่ต้องผ่านนายหน้าใดใด ทำให้ขายได้ในราคาที่ถูกกว่า ดังนั้น อย่าลืมที่จะลงทุนกับความรู้เพื่อให้เรากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญและสามารถลงมือทำได้เองโดยไม่ต้องพึ่งนายหน้าให้มากนัก ดังคำที่ว่า “การลงทุนในความรู้ เป็นการลงทุนที่ให้ดอกเบี้ยคุ้มค่าที่สุด”
2. เลือกนายหน้าอสังหา แบบผิดๆ
ในตลาดอสังหาริมทรัพยท์นั้นมีนายหน้าอสังหาที่มากมาย ทั้งนายหน้าอสังหาอิสระและนายหน้าที่มาจากบริษัทต่างๆ นั่นหมายความว่าเราก็สามารถเลือกนายหน้าที่มีทักษะการสื่อสาร ความรับผิดชอบ ที่ดีมีคุณลักษณะที่เราชอบได้อย่างมากมาย และในขณะเดียวกันเราก็อาจจะโชคร้ายไปเจอนายหน้าที่แย่ๆ ได้เหมือนกัน ดังนั้นเราต้องรู้กลยุทธ์ในการเลือกนายหน้าที่มีคุณภาพ ซึ่งมีอยู่แค่ 2 ข้อเท่านั้น คือเลือกนายหน้าที่ “มีสังกัด” และ “มีแผนการตลาดที่น่าสนใจ”
นายหน้าที่มีสังกัด การเลือกโดยวิธีนี้เป็นวิธีการที่ง่าย สำหรับนักลงทุนคอนโดมือใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกนายหน้าแบบไหน โดยการเลือกแบบนี้เราต้องให้ความใส่ใจกับต้นสังกัดหรือบริษัทที่นายหน้าคนนั้นสังกัดอยู่ว่ามีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน เพราะนายหน้าต้องบอกในสิ่งที่เรา “ต้องทำ” ไม่ใช่บอกในสิ่งที่เรา “อยากทำ” โดยนายหน้าที่ดีจะมีหน้าที่ให้คำแนะนำในการเพิ่มมูลค่าบ้านให้กับเรา เช่น การซ่อมแซมส่วนต่างๆ เพื่อปรับปรุงให้คอนโดหรือบ้านของเรานั้นดูมีราคามากขึ้น จัดการสิ่งที่รกและเกะกะที่จะทำให้คอนโดของเราเสื่อมราคา นอกจากนั้นการเลือกนายหน้าที่มีสังกัดจะช่วยให้เราเจอนายหน้าที่มีความเชี่ยวชาญ รู้ว่าตรงไหนควรแก้ไข ปรับปรุง ไม่ใช่นายหน้าที่เอะอะก็ตามใจเจ้าของไปซะทั้งหมด โดยไม่สนใจว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่
แผนการตลาด ผลการสำรวจขอสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาตินั้นบอกว่า “92% ของผู้ซื้อบ้านนั้นจะหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก่อนตัดสินใจเสมอ” มันจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ว่าทำไมเราต้องเลือกนายหน้าที่รู้จักการวางแผนการตลาดและมีความรู้เกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ ( อ่านบทความอื่นๆ คลิก )
3. ตกแต่งบ้านไม่โดนใจ
ทุกๆ คนต่างก็อยากได้คอนโดและบ้านที่มีความสวยงามและดูดี ดังนั้นการตกแต่งแบบไม่ถูกต้องจึงเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้เหตุผลสำคัญที่ทำให้คอนโดและบ้านของเราขายไม่ออก สำหรับสิ่งที่ควรทำและห้ามทำในการรีโนเวทบ้านเพื่อขาย สามารถเช็คได้โดย “คลิกตรงนี้” เพื่ออ่านเพิ่มเติมได้เลยค่ะ
4. สภาพคอนโดและบ้านย่ำแย่
คอนโดที่เก่าเกินการใช้งาน บ้านที่สภาพดูจะพังแหล่มิพังแหล่ แม้แต่เราเองยังไม่อยากได้เลยใช่มั้ยคะ ถ้าไม่นับว่าอยู่ในทำเลที่น่าสนใจแล้วล่ะก็ เราคงไม่ซื้ออย่างแน่นอน ดังนั้นคนทั่วไปก็คิดไม่ต่างจากเราเช่นกันค่ะ บ้านที่ดูไม่ปลอดภัย เพดานผุพัง วอลเปเปอร์หลุดลอกเป็นแผ่นๆ แบบนี้คงไม่ดีแน่ ดังนั้นอย่าลืมที่จะลงทุนสักนิดเพื่อปรับปรุงมัน แล้วเพิ่มราคาสักหน่อยก็ย่อมได้ค่ะ ดีกว่าให้คนซื้อเห็นบ้านของเราแล้วเบือนหน้าหนีเลย แบบนั้นยังไงก็ขายไม่ได้แน่ๆ ค่ะ
5. ทำเล
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น การที่มีทำเลที่ดีนั้นมีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ เพราะทำเลที่ดีส่งผลให้เรามีแต้มต่อเหนือผู้ซื้ออย่างแน่นอน ดังนั้นอีกสาเหตุที่ทำให้เราขายไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะทำเลไม่ดีก็ได้ เช่นเข้าถึงยาก ไม่มีรถสาธาณะไปถึง ถนนแคบ สาธารณูปโภคไม่ค่อยดีเท่าที่ควร หากทำเลของเรามีลักษณะแบบนี้อาจต้องลดราคาขายลงมาสักหน่อยเพื่อให้ขายได้ค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะ ลองเช็คดูกันแล้วหรือยัง 5 ข้อนี้คือพื้นฐานสำคัญที่เราต้องรีบปรับปรุงแก้ไขนะคะ เชื่อว่าถ้าได้ลองทำตามนี้แล้วจะช่วยให้เรามีโอกาสขายได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
สำหรับท่านใดที่ได้ลองเช็คแล้ว ก็อย่าเพิ่งหยุดการเรียนรู้ไว้แค่เพียงเท่านี้นะคะ เพราะบางครั้งช่องว่างระหว่างรายได้ที่มากมายกับขายไม่ออก อาจเป็นแค่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่รู้และมองข้ามไป ดังนั้นอย่าหยุดที่จะเรียนรู้ไปเรื่อยๆ หาประสบการณ์อย่างต้องเนื่อง แล้วทุกท่านจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนค่ะ
ต้องการอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม >> คลิก
แล้วพบกันใหม่ ในบทความหน้านะคะ
บรรณาธิการ : ตลาดปัญญา.com แหล่งรวมคอร์สออนไลน์คุณภาพ