โพสต์อะไรดี..ไม่สำคัญ แต่ 9 อย่างนี้ไม่ควรโพสต์ในเฟสบุ๊ค ไม่งั้น..งานเข้า

นี่คือ 9 เรื่องสำคัญที่ไม่ควรโพสต์ใน Facebook (หรือ Social Media ใดๆ) เพราะไม่เป็นคุณต่อธุรกิจของคุณ และเผลอๆ จะเป็นภัยต่อตัวคุณด้วย

หลายท่านเคยมาถามผมว่า ทำแฟนเพจเพื่อแนะนำ และขยายธุรกิจ ควรจะโพสต์อะไรดี ผมก็ได้เคยแนะนำไปแล้วทั้งแบบส่วนตัว และในข้อเขียนในที่ต่างๆ แต่ก็ลืมนึกไปว่า ถ้าคิดกลับกัน มันมีอะไรหลายอย่างที่เราไม่ควรโพสต์ใน Facebook เพราะนอกจากจะไม่ช่วยอะไรในเรื่องธุรกิจแล้ว เผลอๆ ยังเป็นภัยกลับมาหาเรา ทั้งในแง่ส่วนตัวและ/หรือส่งผลร้ายต่อธุรกิจเราอีกด้วย

อ้อ.. นอกจากจะพูดถึงการโพสต์แล้ว ผมยังหมายรวมถึงการใส่ข้อมูลใน Personal Profile ด้วยนะครับ

นี่คือ 9 เรื่องที่ไม่ควรโพสต์หรือใส่ข้อมูลในเฟสบุ๊คครับ

ใน Personal Profile

1. ที่อยู่ที่บ้าน – ท่านว่ามันควรใส่ไว้ไหมล่ะ ยกเว้นว่าท่านสามารถล๊อก Profile ไว้ไม่ให้ใครดูได้เลย มีแต่แมวเท่านั้นที่ดูได้ แต่ผมว่าถ้าท่านใส่ที่อยู่ที่บ้านไว้ใน Profile ละก็ คงมี “ตีนแมว” ไปเยี่ยมที่บ้านท่านซะแทนหละครับ

หลายท่านคงบอกว่า ไม่มีใครเค้าใส่กันหรอก จะบ้าหรือ อันนี้มันเรื่องพื้นๆ อยู่ในสามัญสำนึกของทุกคนอยู่แล้ว แต่เชื่อสิ..ผมเคยเห็นหลายท่าน “เช็คอิน” ตอนอยู่บ้านพอดี ซึ่งมันบอกตำแหน่งเป๊ะ (อันนี้ผมพูดถึง social media อื่นๆ พวกบริการ check-in ทั้งหลายนั่นแหละ) ซึ่งพวกหัวขโมยอาจจะ add friend ไปเรื่อย เสาะหาเป้าหมายที่ดูแล้วมีสตุ้งสตังค์ แล้วพอพวกมันติดตามเรา มันก็รู้ว่าบ้านเราอยู่ไหน ตอนไหนอยู่บ้าน ตอนไหนไม่อยู่บ้าน (ก็ชอบ check-in ที่โน่นที่นี่กันไง เป็นการบอกให้รู้ว่าฉันไม่อยู่บ้านนะจ๊ะ เชิญรื้อค้นตามสะดวกจ้่า)

2. ฉันกำลังจะไปเที่ยวหลายวัน – สมมุติว่าท่านจองทัวร์ไปเที่ยวฮ่องกงไว้ 3 วัน ด้วยความเห่อ..อยากให้เพื่อนๆ รู้ ด้วยความหวังดี..จะถามเพื่อนว่าฝากซื้อของอะไรไหม แต่ผมว่า..อันนี้ไม่น่าจะเป็นความคิดที่ดีนะครับ

เราทุกคนก็รู้ ว่าขโมยขโจรเดี๋ยวนี้ชาญฉลาดเหลือเกิด มิจฉาชีพก็มีทุกรูปแบบ และไฮเทคขึ้นทุกวัน แล้วพวกมันก็อาศัยสื่อพวกนี้แหละ (Social Media) คอยติดตามความเคลื่อนไหวท่านได้ทุกฝีก้าว แต่ถ้าท่านเถียงว่า อยู่ดีๆ มิจฉาชีพคนหนึ่งคงไม่มาเจอเราในจังหวะที่กำลังจะไปเที่ยวพอดีหรอก อ่านย่อหน้าถัดไปครับ…

หลายท่าน ตอนที่ไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ชอบถ่ายรูปสวยๆ วิวสวยๆ หรืออะไรก็ตามที่เป็นความประทับใจ แล้วก็โพสต์ใน Facebook, Instagram ฯลฯ ทันที พอเพื่อนๆ ของเราได้เห็น ใครชอบก็อาจจะส่งต่อ แชร์ Like อะไรก็ตาม ยิ่งถ้าเป็นรูปสวยๆ ด้วยก็ยิ่งกระจายกันเข้าไปใหญ่ อย่างนี้เข้าตาโจรเร็วขึ้นไหมครับ

สรุปว่า เป็นความผิดมหันต์..ที่โพสต์รูปขณะที่ท่านท่องเที่ยวอยู่ข้างนอกนั้น ที่ถูกแล้ว..รอให้กลับมาก่อนดีกว่า..ค่อยโพสต์ แล้วเรายังมีโอกาสจัดเรียง, ปรับแต่ง/ตกแต่งรูป ก่อนที่จะโพสต์ได้อีกด้วย

3. อะไรก็ตามเกี่ยวกับลูกๆ ของท่าน – ลูกใครใครก็รักและเห่อ (โดยเฉพาะเด็กเล็ก) เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่าเรื่องลูกของเรา (เรื่องอื่นด้วยแหละ) ให้คนอื่นฟัง แต่ที่ขึ้นหัวข้อนี้ ไม่ใช่ว่าไม่ให้โพสต์หรือพูดถึงเลย เพียงแต่ท่านต้องคิดให้รอบคอบก่อน

เพราะว่าพวกมิจฉาชีพ พวกขโมยเด็ก บางทีก็อาศัยสื่อ Social Media นี่แหละในการหาข้อมูล ดังนั้น เราไม่ควรโพสต์ชื่อ-นามสกุลจริงของลูกเรา ไม่ควรบอกว่าเขาเรียนโรงเรียนไหน ปรกติใครไปรับ ไปรับกี่โมง ชอบอะไร/ไม่ชอบอะไร ไว้ใจใคร

4. แผนผังบ้านท่าน – สมมุติว่าท่านซื้อหรือสร้างบ้านใหม่ อารามอยากอวดเพื่อน ก็เลยโพสต์ว่ามีห้องโน้นอยู่ทางนั้น ห้องนั้นอยู่ทางนี้

ผิดเลย!

นั่นจะทำให้ผู้ไม่หวังดีเขารู้หมดว่าท่านน่าจะเก็บอะไรไว้ที่ไหน ทีวี เครื่องเสียง แหวนเพชร ฯลฯ

5. จดหมายลูกโซ่ – อย่างข้างล่างนี่ ท่านคงเคยเห็น

“ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป Facebook จะเริ่มเก็บค่าบริการในการใช้งาน แต่ถ้าพวกเราผู้ใช้ทุกคนช่วยกันส่งข้อความนี้ต่อกันไปเรื่อยๆ โดยสื่อว่าเราไม่ต้องการจ่ายค่าบริการ แสดงถึงพลังของผู้ใช้และเป็นการแสดงความไม่เห็นด้วย Facebook ก็จะเปลี่ยนแปลงความตั้งใจ”

นอกจากคนส่วนใหญ่จะไม่เชื่อท่านแล้ว พวกเขายังอาจจะคิดว่าท่าน “ทำอะไรไม่ตรึกตรอง” ซะด้วย พูดง่ายๆ ว่า “ไม่รู้จักคิด” นั่นแหละ แล้วตัวท่านเองจะสูญเสียความน่าเชื่อถือไปจากเพื่อนๆ ทั้งหลายอย่างไม่รู้ตัว

ดังนั้น ก่อนจะโพสต์อะไร ควรใช้สามัญสำนึก ไตร่ตรองก่อน พระพุทธเจ้ายังสอนในกาลามสูตรว่าอย่าเชื่อเพราะได้ฟังมา นี่ก็เหมือนกัน

6. โพสต์บ่นเจ้านาย – ไม่ว่าท่านจะเบื่องาน เบื่อคน เบื่อเพื่อนร่วมงาน หรือเบื่อเจ้านาย อย่าให้อารมณ์ชั่ววูบนั้นทำให้ท่านลืมคิดไปว่าคนเหล่านั้นอาจจะเห็นโพสต์นี้ของท่านก็ได้

แม้ว่าท่านจะเถียงว่า “ก็อยากให้พวกมันเห็นนี่แหละ” แต่จำไว้อย่างว่า ท่านเอามันคืนกลับมาไม่ได้ คำพูดที่ออกจากปากไปแล้ว ท่านเอากลับมาไม่ได้ ถึงแม้จะลบโพสต์ของตัวเองได้ แต่ถ้ามีคนเห็นแล้ว ท่านเอามันกลับออกมาจากหัวเขาไม่ได้

ถ้าท่านเบื่อมาก ก็ลาออกซะ จะเดินข้ามสะพานไป ไม่ถึงกับต้องทุบสะพานทิ้งหรอก ใครจะไปรู้..วันหน้าวันหลังท่านอาจจำเป็นต้องเดินย้อนกลับมาทางนี้อีกก็ได้

ใน Fan Page ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

7. เรื่องการเมืองและศาสนา – ไม่ต้องพูดถึง Social Media 2 หัวข้อนี้ก็เป็นเรื่องที่เขาไม่ค่อยสนับสนุนให้พูดกันเยอะอยู่แล้ว (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ไม่รู้จัก หรือรู้หน้าไม่รู้ใจ) หลายตำราบอกว่า ในงานเลี้ยง ถ้าไม่อยากให้งานกร่อย ก็อย่างพูด 2 เรื่องนี้

เพราะคนเรามีความคิดนานาจิตตัง มีความคิดเป็นของตัวเอง ซึ่งอาจไม่เหมือนเรา และที่แย่กว่านั้น..เขาเชื่อของเขาอย่างนั้นมากพอๆ กับที่เราเชื่อของเราอย่างนี้ด้วย ดังนั้น 2 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ “เถียงไม่จบ” และแน่นอน..ถ้าท่านไม่อยากมีเพื่อนลดลงครึ่งหนึ่ง ก็อย่าแสดงจุดยืนให้มันเด่นชัดนัก ถ้าทำใจไม่ได้ ให้ลองคิดใหม่ว่า Social Media และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Fan Page ที่ใช้สำหรับการโปรโมทธุรกิจไม่ใช่เวทีที่ท่านจะพูดเรื่องนี้

อย่าลืม เราใช้ Fan Page ในการสร้างแบรนด์ของตัวเราเอง ไม่ได้ใช้ในการสร้างแบรนด์ของคนอื่น (พรรคการเมือง)

8. โพสต์ขอร้องให้คน Like เพจตัวเอง – ผมว่ามันดูน่าสงสารหนะครับ ท่านเคยขอให้คนรักของท่าน “ช่วยรัก” ท่านหน่อยไหมครับ ท่านว่าเรื่องอย่างนี้มันทำได้ไหมครับ ถ้าทำได้ มันดูน่าสมเพชไหมครับ

อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านมองว่าการมีคน Like เพจของท่านเยอะๆ เป็นกลยุทธ์ในการสร้างฐานเสียง/ฐานผู้มุ่งหวัง ก็ทำให้มันแนบเนียบหน่อย อย่างน้อยก็แลกเปลี่ยนกับ “คุณค่าดีๆ” ที่ท่านพร้อมจะมอบให้เขาถ้าเขา Like Page ของท่าน เช่น ชักชวนให้กด Like เพื่อรับของสมนาคุณ (เช่น e-Book, Report, สถิติ/ข้อมูลต่างๆ เป็นต้น) เหมือนกับจะบอกว่า ถ้าน้องแต่งงานกับพี่ พี่จะเลี้ยงดูน้องอย่างดีที่สุดจนวันตาย อย่างนี้ค่อยเป็นการร้องขอที่มีฟอร์มหน่อย..จริงไหมครับ

9. โพสต์รูปไร้สาระ – เรากำลังพูดถึง Facebook Fan Page กัน ซึ่งเราเอาไว้ใช้ Brand ตัวเอง หรือสร้างแบรนด์ให้สินค้าหรือธุรกิจของเรา ดังนั้น ทุกข้อความ รูปภาพ และวีดีโอ ต้องสอดคล้องและเสริมส่งเอกลักษณ์และตัวตนของแบรนด์ (Brand Identity) ที่เมื่อสื่อออกไปแล้ว ผู้อ่าน/ดู/ฟัง สามารถรับรู้ (percieve) ได้ เกิดการรับรู้ (Brand Perception) ตามภาพลักษณ์ (Brand Image) ที่เราอยากให้พวกเขารับรู้

หวังว่าคงเป็นสาระที่มีค่ากับหลายๆ ท่านนะครับ ถ้าท่านคิดว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับคนที่ท่านรัก ก็อย่าลืมแชร์ หรือ Retweet ให้พวกเขาด้วยครับ อ้อ..แล้วถ้ามีความคิดเห็นอะไรเพิ่มเติม ก็เขียนด้านล่างนี้ได้ตามสบายเลยครับ
แล้วพบกันใหม่ครับ

ธนกร – ผู้ก่อตั้งตลาดปัญญา

ธนกร ชาลี ตลาดปัญญา โค้ช มาร์เก็ตติ้ง

ความเห็น

26 ธันวาคม 2015
Logo โลโก้ ตลาดปัญญาCopyright © 2014-2024 บริษัท โค้ช มาร์เก็ตติ้ง จำกัด All rights reserved ห้ามคัดลอก เลียนแบบ ทำซ้ำ ดัดแปลง ซึ่งรูปแบบและเนื้อหาทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของเว็บไซต์นี้          

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก
คอร์สไหน..
จะเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณ?